|
|
บริษัทประกันภัยแนะนำ |
บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด
บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 และเริ่มให้บริการธุรกิจด้านการประกันภัย ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ บริษัท อาเซียพาณิชยการ (ประกันภัย) จำกัด โดยเริ่มต้นให้บริการ การประกันอัคคีภัย และการประกันภัยขนส่งทางทะเล ภายใต้การบริหารงานของ คุณ เล็ก วิริยะพันธุ์ ตั้งอยู่ที่ถนน กรุงเกษม เขต ป้อมปราบ ต่อมาในปี พ.ศ. 2524 ได้เพิ่มการบริการด้านการประกันภัยรถยนต์ และการประกันภัยเบ็ดเตล็ด
ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 คณะกรรมการได้มีมติให้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด เพื่อสอดคล้องกับบริษัทเดิมคือ บริษัท วิริยะพานิช จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายน้ำมันทาไม้ตราปลาตะเพียน และยาแก้ไอวิริยะ
จากความพร้อม และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจ ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงได้ขยายสำนักงานเพิ่มมายังทำเลใจกลางย่านธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 จนถึงวันนี้ บริษัท วิริยะประกันภัย ยังคงสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดไว้ได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 15
ในปัจจุบัน บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ปัจจุบันเป็นองค์กรธุรกิจประกันภัย ที่มีเครือข่ายใหญ่และเติบโต อย่างรวดเร็วที่สุดในประเทศไทย นับถึงวันนี้ กว่า 60 ปี บริษัท ได้นำเสนอการบริการ รับประกันวินาศภัยครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้วยอุดมการณ์ที่จะพัฒนาสร้างสรรค์การบริการด้านต่างๆ ให้สามารถสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้า อย่างไม่หยุดยั้ง นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้สร้างสรรค์ กิจกรรมต่างๆ เพื่อสังคม โดยให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน กิจกรรมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคมไทย
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา และสร้างสรรค์งานด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของผู้เอาประกันภัย ตลอดจนส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคม ต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่ว่า ความเป็นธรรม คือ นโยบาย
|
|
บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน)
บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการบริการ รับประกันวินาศภัยเป็นหลัก เริ่ม ดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2494 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 2 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ บริษัท บ้วนฮงเซ้งประกันภัย จำกัด ต่อมาภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด ดำเนินธุรกิจรับประกันวินาศภัย
บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจประกันภัย ปัจจุบันบริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท และ เมื่อพิจารณาในส่วนเงินกองทุน ปี 2549 บริษัทฯมีเงินกองทุนจำนวนเท่ากับ 1,114.18 ล้านบาท ในส่วนนี้เป็นเงินกองทุนที่บริษัทฯ ต้อง ดำรงไว้ตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 เป็นจำนวนเท่ากับ 333.78 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจำนวน 780.40 ล้านบาท ถือเป็น เงินกองทุนส่วนเกิน ซึ่งสามารถรองรับการขยายงานในอนาคต
บริษัทฯเป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่รับประกันรถยนต์เป็นหลักบริษัทฯ แรกที่ได้รับความไว้วางใจให้จดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันจัดอยู่ในสี่อันดับแรกของบริษัทฯ ที่มีเบี้ยประกันภัยรับสูงสุด โดยมีก้าวสำคัญในประวัติการดำเนินงานดังนี้
- 2534 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- 2535 ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่ อาคารสินมั่นคงประกันภัย ถนนศรีนครินทร์
- 2537 จดทะเบียนแปรสภาพเป็น บริษัทมหาชนจำกัด
- 2538 การร่วมทุนกับ Royal Insurance PLC ในปี 2538 บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้มีการเซ็นสัญญาร่วมทุนกับ Royal Insurance PLC. โดยเข้ามาร่วมถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ต่อมา Royal Insurance PLC. ได้ควบรวมกับบริษัท Sun Alliance Insurance และเปลี่ยนชื่อเป็น Royal & Sun Alliance ในปี 2549 กลุ่ม Royal & Sun Alliance ครองส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุด(ร้อยละ 13) ในธุรกิจ commercial line insurance ในประเทศอังกฤษ อีกทั้งมีส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นอันดับที่ 3 ในธุรกิจประกันภัยส่วนบุคคลของประเทศอังกฤษ มีเบี้ยประกันภัยสุทธิรวมทั้งสิ้นประมาณ 5,484 ล้านปอนด์ เทียบเป็นจำนวนเงิน 387,790 ล้านบาท มีเครือข่ายสาขากว่า 50 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงงานทั่วโลกทั้งสิ้นประมาณ 24,000 คน
การร่วมทุนกันในครั้งนั้นเป็นการเอื้อธุรกิจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ทาง Royal & Sun Alliance ได้ขยายตลาดการบริการสู่ประเทศไทย โดยอาศัยฐานและเครือข่ายทางธุรกิจอันแข็งแกร่งของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด(มหาชน) ในฐานะหนึ่งในบริษัทประกันภัยชั้นนำของไทย ส่วนทางสินมั่นคงนั้นนอกจากจะได้ประโยชน์จากเครือข่ายและประสบการณ์ในธุรกิจประกันภัยของ Royal & Sun Alliance ยังเป็นการขยายการดำเนินงานให้กว้างไกลยิ่งขึ้น ดังนั้นการร่วมมือกันในครั้งนั้น จึงเป็นการร่วมมือของสองบริษัทที่กอปรด้วยประวิติศาสตร์แห่งความสำเร็จอันยาวนานที่จะร่วมใจกันก้าวสู่เป้าหมายในศตวรรษหน้า
- 2540 ท่านกรรมการผู้จัดการ ได้รับรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติจากสถาบันผู้พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค และสมาคม สหประชาชาติ ในฐานะที่นำองค์กรสู่ความเป็นผู้นำทางธุรกิจ มีการจัดวางโครงสร้างและแบบแผนในการพัฒนา บุคลากรที่ดี มีแนวทางในการบริหารและให้บริการที่ดี
- 2543 ใช้ระบบ intranet เพื่อติดต่อสื่อสารภายในองค์กร เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่เวบไซต์ www.smk.co.th ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อ กรมธรรม์และชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ตครบวงจรทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่า เป็นเจ้าแรกที่มีศูนย์ Call Center 1596 เบอร์เดียวทั่วไทย ที่ลูกค้าสามารถแจ้งได้ทั้งเรื่องอุบัติเหตุ และการทำประกัน ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน อำเภอใด เป็นบริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกในประเทศที่ริเริ่มโครงการรับประกันเวลาเดินทางถึงที่ เกิดเหตุภายใน 25 นาที ชื่อโครงการคือ SMK SPEED GUARANTEE 1
- 2545 เป็นบริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกในประเทศที่ริเริ่มโครงการรับประกันมาตรฐานระยะเวลา ซ่อมและคุณภาพการซ่อมรถยนต์ ชื่อโครงการคือ SMK SPEED GUARANTEE 2 เพิ่มช่องทางให้อู่สามารถนำส่งข้อมูลการซ่อมรถยนต์ผ่านระบบ Internet Web Application นำระบบ Document Image Processing (DIP) และ กล้องดิจิตอล เข้ามาใช้ในงานสินไหม ในเขตกรุงเทพฯอย่างเต็มระบบ
- 2546 เปิดตัวโครงการประกันอุบัติเหตุเอื้อสุข ได้ทดลองและทดสอบโครงการ SMK SPEED GUARANTEE 1 และ 2 ตามสาขาภูมิภาค ขยายการใช้กล้องดิจิตอลสำหรับงานด้านตรวจสอบอุบัติเหตุไปยังสาขาภูมิภาค
- 2547 ขยายตลาดในส่วนที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การประกันภัยอิสรภาพ ได้นำระบบ E-Agent มาใช้กับตัวแทน ขยายรูปแบบการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ โดยใช้สื่อป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หลายแห่งในกรุงเทพฯ
- 2548 ยกระดับมาตรฐานเวลาในทุกขั้นตอนของการให้บริการ ได้นำระบบ E-Agent มาใช้กับตัวแทน ขยายรูปแบบการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ โดยใช้สื่อป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หลายแห่งในกรุงเทพฯ
- 2549 มีการโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์เป็นครั้งแรก โดยมุ่งเน้นให้ทราบถึงคุณค่าของ Brand มาเร็ว เคลมเร็ว ซ่อมเร็ว" เริ่มทดลองทำตลาดผ่านช่องทาง Telemarketing โดยเริ่มจาก การนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ ที่เข้าใจได้ง่าย เช่น กรมธรรม์ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ย้ายศูนย์คอมพิวเตอร์สำรองจากสถานที่เดิมซึ่งเป็นอาคารเช่า มาไว้ที่อาคารสาขาเทพารักษ์ ซึ่งเป็นอาคารที่สร้างบนพื้นที่ทรัพย์สินของบริษัทฯเอง 2550
- 2550 เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ผลิตภัณฑ์ คือ ประกัน 3 คุ้ม และ ประกันตามใจ เริ่มพัฒนาระบบ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อจะได้เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ดีที่สุด 2551
- 2551 ขยายตลาดประกันภัยมะเร็ง โดยกรมธรรม์ของบริษัทฯมีจุดเด่นที่บริษัทฯให้ความคุ้มครองต่อเนื่องอัตโนมัติ จนถึงอายุ 65 ปี และหากเลือกทำประกันแบบครอบครัว บริษัทฯจะให้ความคุ้มครองบุตรอายุ 1 22 ปีที่ยังไม่ได้สมรสฟรี โดยไม่จำกัดจำนวนบุตร ขยายการบริการด้านสินไหมควบคู่การขยายตลาดให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ อีกทั้งขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ไปยังห้างสรรพสินค้าและไฮเปอร์มาร์ท
|
|
บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด
บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด เกิดจากการควบรวมกิจการเป็นหนึ่งเดียวของ บริษัทนารายณ์สากลประกันภัย จำกัด และบริษัทคุ้มเกล้าประกันภัย จำกัด (มหาชน ) โดยทั้งสองบริษัทเป็น บริษัทประกันภัยชั้นนำของเมืองไทย ที่มีประสบการณ์ด้านประกันวินาศภัยอันยาวนาน และมั่นคงด้วยการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งในฐานะผู้ถือหุ้นหลักของ ลิเบอร์ตี้ มิวชวล กรุ๊ป สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินและการประกันภัยรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก
บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด ให้บริการด้านประกันวินาศภัยทุกประเภท ทั้งการประกันภัยรถยนต์ อัคคีภัย การขนส่งสินค้าทางทะเลและภัยเบ็ดเตล็ด โดยให้บริการครอบคลุมทั้งลูกค้าบุคคล องค์กร และธุรกิจอุตสาหกรรม
บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด มีนโยบายมุ่งเน้นการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความอุ่นใจและความพึงพอใจสูงสุด
|
|
บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด
บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด ก่อตั้งเมื่อ วันที่ 9 กรกฎาคม 2489 ด้วยปณิธานที่จะเสริมสร้างหลักประกันและความผาสุกมั่นคงแก่คนไทย ยึดมั่นในหลักวิชาการแห่งการประกันภัย เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ โดยถือประโยชน์ของผู้เอาประกันเป็นสิ่งสำคัญเป็นอันดับแรก และใช้รูปพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม เป็นตราสัญลักษณ์ ของบริษัทฯ ที่สื่อความหมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่สิ้นสุด
บริษัทฯ เริ่มต้นธุรกิจด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยรับประกันด้านอัคคีภัยเพียงอย่างเดียว การ ดำเนินกิจการเจริญเติบโตก้าวหน้ามาโดยตลอด ต่อมาจึงได้ขยายกิจการ การรับประกันชีวิตเพิ่มขึ้น โดยได้เริ่มดำเนินธุรกิจการประกันชีวิตเป็นครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2493 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ทรงเป็นผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตฉบับปฐมฤกษ์ แต่ต่อมาได้แยกกิจการออกจากกัน ตามพระราชบัญญัติการประกันชีวิต และการประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 โดยแยกการดำเนินกิจการประกันวินาศภัยออกจากกิจการประกันชีวิต เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2543 ในชื่อว่า บริษัท อาคเนย์ประกันภัย 2000 จำกัด และต่อมาได้ทำการเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ โดยเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2551 เป็นต้นมา
ด้วยประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจประกันวินาศภัยที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 63 ปี ประกอบกับการที่คณะผู้บริหารจัดการ และพนักงานได้มุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กร ให้มีความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง ด้วยเสถียรภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยยึดมั่นในหลักแห่งการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์ และยุติธรรม เพื่อเป็นหลักประกันว่า สินทรัพย์ของผู้เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองอย่างสมบูรณ์ ครบถ้วน ตามสัญญาในทุกกรมธรรม์
|
|
บริษัท นิวแฮมพ์เชอร์ อินชัวรันส์ ประเทศไทย / บริษัท เอ ไอ จี ประกันวินาศภัย (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท นิวแฮมพ์เชอร์ อินชัวรันส์ และ บริษัท เอ.ไอ.จี ประกันวินาศภัย (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทในเครือ อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป อิงก์ (เอไอจี), บริษัทประกันภัยชั้นนำ
ความมั่นคงทางการเงิน คือ รากฐานที่แข็งแกร่งของ เอ.ไอ.จี และ เราได้รับรางวัล A+ การจัดอันดับความน่าเชื่อทางการเงิน จากสถาบัน สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ เพื่อเป็นการยืนยันถึงความมั่นคงทางการเงินของ บริษัทนิวแฮมพ์เชอร์ อินชัวรันส์ (ประเทศไทย)
สำหรับธุรกิจประกันวินาศภัยของ เอ.ไอ.จี ในประเทศไทย ประกอบไปด้วย บริษัท นิวแฮมพ์เชอร์ อินชัวรันส์ และบริษัท เอ.ไอ.จี ประกันวินาศภัย (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทมีพนักงานมืออาชีพกว่า 600 คน มีตัวแทนประกันภัยมากกว่า 7,000 คน มีลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์มากกว่า 300,000 ราย และมีสำนักงานให้บริการกว่า 16 แห่งทั่วประเทศที่พร้อมจะมอบการบริการที่เป็นเลิศแก่ลูกค้าทุกคน
|
|
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
- พ.ศ.2494 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2494 โดย ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ด้วยทุนจดทะเบียน 2,000,000 บาท
- พ.ศ.2507 ทางราชการได้รับโอนหุ้นของ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ มาเป็นของกระทรวงการคลังส่วนหนึ่ง
- พ.ศ.2518 ทางราชการได้รับโอนหุ้นของ ฯพณฯ จอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นของกระทรวง การคลังอีกส่วนหนึ่ง ทำให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทถึง 55.6% เป็นผลให้ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
- พ.ศ.2533 บริษัทฯ ได้เปิดทำการที่อาคารสำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นของตนเอง เป็นอาคาร 7 ชั้น ตั้งอยู่ ณ 63/2 ถนนพระราม 9 ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2533 และบริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทดีเด่นแห่งปี ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติ สูงสุดของบริษัทฯและพนักงานทุกคน
- พ.ศ.2536 คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังกระจายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทฯ อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังเหลือเพียง 5.24 %
- พ.ศ.2537 บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 80 ล้านบาทเป็น 240 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน24,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท และในเดือนมีนาคม พ.ศ.2538 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้แปรสภาพบริษัทฯ จากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมหาชน และในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันนี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการเรื่องการแปรรูปเป็นบริษัทมหาชน ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 อีกทั้งยังเป็นการเตรียมการบริษัทฯ ให้มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และพร้อมที่จะแข่งขันในภาวะการแข่งขันเสรีของธุรกิจประกันภัยตามข้อตกลงของแกตต์ (GATT)
- พ.ศ.2538 บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัท มหาชน จำกัด ต่อกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2538 โดยมี กระทรวงการคลัง, ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน),ธนาคารออมสิน และ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
- พ.ศ.2542 บริษัทฯ ได้รับการรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO 9002 จากสถาบัน SGS Yarsley International Certification Services Limited แห่งประเทศอังกฤษ ทำให้ทิพยประกันภัยเป็น "บริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกของไทยที่ได้ ISO 9002 ทุกระบบขององค์กร"
- พ.ศ.2544 ครบรอบ 50 ปี แห่งความมั่นคง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯได้พัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการอย่างไม่หยุดยั้ง ผนวกกับบริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นที่เป็นองค์กรที่มีความมั่นคงและมีชื่อเสียง ทำให้บริษัทฯได้รับความไว้วางใจจากทั้งภาครัฐ และ เอกชนให้เป็นผู้รับประกันภัยในโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแรงผลักดัน ให้บริษัทฯ ก้าวขึ้นสู่ ความเป็นผู้นำด้านประกันวินาศภัยของประเทศ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมติดอันดับ 2ของกลุ่มบริษัทประกันวินาศภัยกว่า 77 บริษัท และมีเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ดสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ
- พ.ศ.2545 บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง โดยนำระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 : 2000 เข้ามาประยุกต์ใช้กับระบบเดิม เพื่อพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการบริการให้ดียิ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และเพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศในการบริการ บริษัทฯจึงได้เปิด Dhipaya Service Center (DSC) หรือศูนย์ทิพยบริการเพื่อเพิ่มศักยภาพ การให้บริการแบบครบวงจร One Stop Serviceเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการอำนวยความสะดวก รวดเร็ว สำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ติดต่อทำประกัน,การติดต่อสอบถาม, การติดต่อประสานงานเรื่องต่างๆ เป็นต้น รวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เปิด Claims Photo Centerศูนย์การบริการเคลมรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการด้านสินไหมรถยนต์อีกด้วย
- พ.ศ.2546 บริษัทฯ ได้รับเกียรติบัตร The Best Performance - Financials 2003 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะที่ได้รับคัดเลือกเข้าชิงรางวัลดังกล่าวเพียง 5 บริษัทเท่านั้น จากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นผู้รับประกันภัยงานระดับชาติด้วยได้แก่ การประกันภัยโรคซาร์ส หรือโรคระบบทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลันเป็นแห่งแรกของโลก,การประกันภัยการขนส่งหมีแพนด้า "ช่วง ช่วง" และ "หลินฮุ่ย" 2 ฑูตสันถวไมตรีไทย - จีน จากประเทศจีน, การประกันภัยแสตมป์มูลค่า 200 ล้านบาทในงานแสตมป์โลก และการรับประกันภัยความซื่อสัตย์ของสลากกินแบ่งรัฐบาล (เลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว) และในเดือนพฤศจิกายน บริษัทได้เปลี่ยนประตูหน้าเป็นประตูด้านที่ติดกับถนนเทอดพระเกียรติ (ถนนเทียนร่วมมิตร) และใช้ชื่อประตูว่า ประตู"ทิพยเทอดพระเกียรติ"เพื่อเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
- พ.ศ.2547 เป็นบริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกของโลกที่รับประกันภัย "ไข้หวัดนก" ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนักในขณะนั้นทำให้เกษตรกรไทยลดความเสี่ยงและคลายความกังวลใจได้มากนอกจากนี้ยังเพิ่มศักยภาพ การบริการด้วยการเข้าร่วมโครงการ"ประกันทันใจ ด้วยบัตรใบเดียว" ของบริษัท เบสท์ เซอร์วิส (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นการขอสินเชื่อประกันภัยรถยนต์ โดยใช้เพียง "บัตรประชาชน" เท่านั้น เป็นการเปิดโอกาสให้สำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่อาทิเช่น พ่อค้า - แม่ค้า ที่ไม่มีหลักฐานแสดงรายได้ให้สามารถขออนุมัติสินเชื่อเพื่อทำประกันภัยรถยนต์ในโครงการได้ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าด้วยการเปิดสำนักงานตัวแทนที่ศรีราชาเป็นแห่งที่ 15
สำหรับปี 2548 ยังเน้นการขยายธุรกิจ ทั้งธุรกิจประกันภัย และการลงทุน โดยให้ความสำคัญกับการบริหารงานแบบมืออาชีพ และการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการเพื่อให้มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งจะนำระบบวางแปน และตั้งงบประมาณเชิงสัมฤทธิเข้ามาประยุกต์ใช้ พร้อมทั้งจะดำเนินการขยายเครือข่ายให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น โดยจะเพิ่มสาขาอีก 4 แห่ง ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ พร้อมเพิ่มสำนักงานตัวแทนอีก 5 แห่ง จากปัจจุบันที่มีสำนักงานสาขา 15 แห่ง และสำนักงานตัวแทน 17 แห่ง
- พ.ศ.2548 นับเป็นปีที่เริ่มต้นด้วยความโศกเศร้าของคนไทยทั้งประเทศ จากเหตุการณ์มหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิ นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน บริษัทฯ ได้ส่งอาสาสมัครทิพยบรรเทาภัย "หน่วยหนุมาน" พร้อมรถบรรเทาภัยเพื่อประชาชนไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น และมีการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ให้ความช่วยเหลือ และเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องคอยผวากับเหตุการณ์ความไม่สงบที่ยืดเยื้อมานาน จึงได้จัดทำ Radio Spot เพลง "คนไทยไม่ทิ้งกัน" ขับร้องโดย คุณ กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี โดยมีเนื้อหาเพื่อเป็นขวัญและ กำลังใจให้กับทุกคนในสังคม
บริษัท ฯ ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นผู้รับประกันภัยการก่อการร้ายในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้พี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รู้สึกอบอุ่นและมั่นใจในแผ่นดินเกิดของตัวเอง และรับประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทที่ติดตั้งอุปกรณ์เติมก๊าซ NGV เพื่อสนองนโยบายของรัฐในการประหยัดพลังงานที่ต้องการให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซ NGV
บริษัท ฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 240 ล้านบาทเป็น 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 60 ล้านบาท และยังได้ขยายการบริการสู่ภูมิภาคด้วยการเปิดสำนักงาน สาขาเพิ่มอีก 4 แห่งได้แก่ สาขาอุดรธานี สาขานนทบุรี สาขาเชียงาย และยังได้จัดทำโครงการ "Smart Branch" ฉลาดคน ฉลาดงาน ฉลาดพัฒนาสาขา เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของสาขาทั่วประเทศ และยังมีการพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ควบคู่ไปด้วย จึงมีโครงการ"Dhipaya IT Year" ด้วยสโลแกน "ทิพยพันธุ์ใหม่ ก้าวไกลกับ IT Year" เพื่อให้พนักงานมีความตื่นตัวในการใช้ IT และนำมาพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- พ.ศ.2549 เป็นปีมหามงคลยิ่งสำหรับปวงชนชาวไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี บริษัทฯจัดกิจกรรมการกุศล และกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อาทิการสนับสนุนการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร ตามโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถาน,ร่วมทำบุญทอดกฐินพระราชทาน 33 วัด ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประสบปัญหาภัยก่อการร้าย, ร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทสี่รอย จ.เชียงใหม่,ร่วมสร้างพระประธาน พระพุทธรัตนมณีมหาปฏิมากร เป็นต้น
และจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาการบริการเพื่อการเป็นบริษัทประกันภัยที่เป็นเลิศอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯได้รับรางวัลในฐานะบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่นเป็นอันดับ 3 ของผลประกอบการปี 2548จากกรมการประกันภัย
ด้านการพัฒนาศักยภาพการให้บริการ ทิพยประกันภัยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้แก่ โครงการ ทิพยตะกาฟูล เพื่อให้สอดคล้องกับการประกันภัยตามหลักศาสนาอิสลาม (Islamic Insurance) โครงการ Bancassurance 2006 ที่ร่วมกับพันธมิตรคู่ค้า เช่น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารออมสิน และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นการเพิ่มช่องทางการตลาด และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้เข้าถึงการบริการของบริษัทได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โครงการ ประกันสังคม สุขใจ เมื่อประกันภัยกับทิพย ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ฯลฯ
- พ.ศ.2550 ในวโรกาสมิ่งมหามงคลพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช บริษัทฯ จัดกิจกรรมสาธารณกุศล โครงการ พลังบุญทิพยร่วมสร้างถวายในหลวง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการใช้บริการกับลูกค้ามากขึ้น โดยบริษัทฯ ใช้กลยุทธ์การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางการค้า จัดทำโครงการต่างๆ อาทิ โครงการเงินฝากกรุงไทยปลอดภัยกว่า บัตรเครดิตเคทีซี-ทิพยประกันภัย ไทยเทเนียม มาสเตอร์การ์ด โครงการประกันสุขภาพลูกค้าเงินฝากสงเคราะห์ของธนาคารออมสิน โครงการจำหน่าย พรบ. ผ่านกรมการขนส่งทางบก
ด้านการบริหารจัดการ บริษัทฯ ได้รับรางวัลในฐานะบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น อันดับ 2 ของผลประกอบการปี 2549 จากกรมการประกันภัย
ด้านสังคม และสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ ยังได้ให้ความสำคัญกับวิกฤตการณ์ภาวะโลกร้อน โดยได้ส่งเสริมให้มีการประหยัดพลังงานภายในสำนักงาน เริ่มจากการติดตั้งถังก๊าซ NGV ให้กับรถยนต์ทุกคันของบริษัทฯ เพื่อลดการใช้พลังงานจากน้ำมันปิโตรเลียม ปิดไฟทุกดวง และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นในระหว่างพักกลางวัน รณรงค์ให้พนักงานใช้บันไดแทนการใช้ลิฟท์ จัดทำถุงผ้าแจกให้กับลูกค้า และสื่อมวลชน เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก เป็นต้น
- พ.ศ.2551 ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ทิพยประกันภัยร่วมน้อมรำลึกอาลัย แด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระ และเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมพระศพ เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่พระองค์ท่านนอกจากนี้ยังได้จัดทำปฏิทินสุนัขทรงเลี้ยง ประจำปี 2552 จำหน่ายเพื่อนำรายได้สมทบทุนมูลนิธิ กว.
บริษัทฯ ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากการประเมินคุณภาพประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี โดยสำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ให้อยู่ในระดับดีเยี่ยมติดต่อกันเป็นปีที่ 2
เพิ่มศักยภาพสู่ความเป็นหนึ่งแห่งการบริการด้วยการนำเสนอบัตร "TIP SMART" นับเป็นนวัตกรรมใหม่แห่งวงการประกันภัย และ"บัตรกรุงไทย-ทิพยประกันภัย พริวิเรจ วีซ่า เดบิต" (KTB-DHIPAYA Privilege VISA Debit Card) บัตรเดียวที่ให้ครบทุกด้านด้วยคุณสมบัติที่เป็นทั้งบัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต และบัตรส่วนลด และยังได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุทุกแห่งทั่วโลกด้วย ขยายการให้บริการให้ครอบคลุมด้วยการเปิดสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ จังหวัดสระบุรี เป็นสาขาที่ 20และจังหวัดตรัง เป็นสาขาที่ 21
จัดกิจกรรมทำความดีไม่มีสิ้นสุด หลายโครงการเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้แก่ โครงการพลังบุญทิพยร่วมสร้างถวายในหลวง, โครงการปันน้ำใจให้น้องเฉลิมพระเกียรติและโครงการพลังทิพยรักษ์โลก
|
|
|
|
|
|
|
|